Easy Grammar
แกรมม่าง่ายๆ นอกกรอบ สไตล์อาจารย์โจ
Chapter 1
สรุปแล้ว Grammar มันสำคัญแค่ไหนเนี้ย??
จั่วหัวเริ่ม Easy Grammar E-Book ด้วยคำถาม เพราะอยากให้ได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างเปิดกว้าง ผมว่าไม่มีอะไรผิดหรือถูกหรอกครับ หลายคนเคยได้ยินมาว่า เรียนทำไม Grammar เรียนไปแล้วก็ใช้ไม่ได้ ดูเด็กฝรั่งสิ เกิดมาเขาก็ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ พูดอีกก็ถูกอีก [You can say that again!] แหละครับ ก็เหมือนเราใช้ภาษาไทยตั้งแต่เกิดไง เอาล่ะๆ แต่ถ้าเราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กล่ะ จะใช้หลักการเลียนแบบนั้นได้ 100% จริงหรือ? บางทีก็ได้ยินว่า อยากเก่งภาษาอังกฤษต้องเก่ง Grammar ต้องขยันท่องศัพท์ แต่เอ๊ะ ก็ทำแบบนั้นกันมาสมัยเรียนตั้งแต่เด็กจนโตแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมยังไม่เก่งสักที
อาจารย์โจว่าไม่มีแนวคิดไหนผิดหรือถูก 100% หรอกครับ แต่เอาล่ะ ผมขออยู่ฝั่งคนส่วนใหญ่ คือคนไทยวัยเติบโต ที่รู้สึกสับสนว่าชั้นจะเอายังไงกับชีวิตการใช้ภาษาอังกฤษของชั้นดี จะใช้ได้ไหมเนี่ย จะสอบผ่านหรือเปล่า … ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ได้เติบโตมากับการใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ผมอยากให้มีหลักยึดครับ และหลักยึดของผมก็เหมือนกับที่หลายๆ คนได้ยินมาแหละ คือ ต้องรู้ (ทัน) Grammar
Grammar ยังไงก็สำคัญ ถ้าเราไม่รู้เลยว่า เราจะสร้างประโยคที่ Simple ที่สุดขึ้นมาได้ยังไง แล้วเราจะเริ่มยังไงล่ะครับ คำศัพท์ก็อีกส่วนหนึ่ง ถ้าคำศัพท์พื้นฐานเราไม่มี เราจะเอาอะไรไปเติมในประโยคแบบง่ายๆ นั้นก่อนล่ะ
ถึงตรงนี้บางคนอาจบอกอีกว่า ถ้างั้นก็รู้แต่ศัพท์ เวลาพูดก็พูดเอาศัพท์มาเรียงๆ กัน หรือเวลาฟังก็จับจากศัพท์ ก็น่าจะได้หนิ ได้ไม่ต้องเสียเวลาคิด Grammar ให้ยุ่งยาก ผมมองว่าถูกส่วนหนึ่ง คือ อาจจะลดความยุ่งยากในช่วงการฝึกแรก ด้วยการเน้นจับสำเนียง ความเร็ว เพื่อฟังให้ออกก่อน หรือให้กล้าพูดออกไปก่อน แต่เมื่อเราดีขึ้น เราก็ต้องค่อยๆ เอา Grammar ใส่ลงไป ใส่ลงไป จากง่ายๆ จนซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสุดท้าย ถ้าคุณไม่เอา Grammar มาเป็นส่วนประกอบ คุณก็จะไม่เข้าใจเจตนาการสื่อสารอยู่ดี
เช่น
I teach English
I am teaching English
I will teach English
I taught English
I will be teaching English
I have taught English
I had taught English
I have been teaching English
แปลจากศัพท์ เหมือนกันหมด “ฉันสอนภาษาอังกฤษ” แต่ เจตนาการสื่อสาร ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นยังไง เมื่อไหร่ มันไม่เหมือนกันเลยนะ … ซึ่งในภาษาอังกฤษ จะเปลี่ยนโครงสร้างของ Verb หรือ Action ของประโยค เพื่อสื่อถึงเวลาและลักษณะการเกิดของเหตุการณ์นั้นๆ ซึ่งเราเรียกว่า Tense นั่นเอง
อาจารย์โจมี Clip การใช้งาน Tense ทั้ง 12 Tense ง่ายๆ ด้วยการผันจากประโยคเดียวมาฝากกันครับ (เมื่อเรารู้ถึงความสำคัญของ Tense แล้ว บทต่อไปเราจะไปประกอบร่างสร้าง Tense ทั้ง 12 ด้วยสมการ Tense กันครับ รับรองไม่เคยเจอที่ไหนครับ)
อีก 1 ตัวอย่างจากโครงสร้าง If-Clause
If I study hard, I will pass the test.
If I had studied hard, I will pass the test.
เช่นเคยครับ อยู่กับผมอะไรๆก็ง่าย ไม่ต้องห่วง ผมมีเพลงมาฝาก และด้วยเพลงที่แสนจะคุ้นหู 1 เพลง เราจะจำได้ทั้งโครงสร้างทั้ง 3 รูปแบบ และใช้เป็น ใช้ได้ถูกต้องตลอดชีวิตครับ ถ้าพร้อมแล้วกด Play ได้เลยครับ
เห็นความสำคัญของ Grammar มากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ
… เมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีอรรถรส