Article 17
โครงสร้างดี ศัพท์เจ๋ง เข้าใจคำถาม
พร้อมกำหนดกลยุทธ์การอ่าน ประหยัดเวลา IELTS Reading
ขั้นตอนเหล่านี้…อยากบอกได้ว่าเป็นวิชามารเพื่อเก็บคะแนนสูงๆ ของหลักสูตรเราเลยค่ะ และมาถึงบล็อกนี้ ก็เปิดเผยกันแบบไม่มีกั๊กเลยค่ะ ดังนั้น หากปฏิบัติตามขั้นตอนนี้ เชื่อเลยว่าได้คะแนนเยอะแน่นอน
จริงๆแล้ว IELTS นั้นจะเป็นข้อสอบที่เน้นการอ่านเพื่อความเข้าใจมากกว่าการสอบประเภทอื่นๆ และอาจารย์ก็เชื่อว่าแต่ละคนก็จะมีเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งนี้ก็มีวิธีหนึ่งที่ทำให้สามารถทำข้อสอบได้เร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด นั่นก็คือการอ่านคำถามก่อนเสมอ เนื่องจากการดูคำถามก่อนจะทำให้เราโฟกัสกับสิ่งที่เขาถาม และรู้ว่าควรหาคำตอบใด เพื่อให้ตอบได้เร็วขึ้น และในการอ่านคำถามนี้ เนื่องจากในแต่ละ passage นั้นมีคำถาม 13 ถึง 14 คำถามเลยทีเดียว ซึ่งถ้าอ่านให้หมดและพยายามจำ แน่นอนว่าจำอย่างไรก็จำไม่ได้ชัวร์ๆ ดังนั้น เราต้องใช้การวงกลมคำที่สำคัญเข้ามาช่วยชีวิตเราค่ะ
ทีนี้ค่ะ เมื่อเราอ่านคำถามเนี่ย แนะนำให้วงคำถามไปด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นคำถามแบบไหนก็ตาม ซึ่งการวง ควรวงคำดังต่อไปนี้ค่ะ
- Keywords ที่สำคัญ ซึ่งประกอบไปด้วย ชื่อเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน ชื่อเมือง ตัวเลข ที่อยู่ อะไรทำนองนี้ ที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรใหญ่ ให้วงไว้ทันที เพื่อที่ว่าเวลาเราสอดส่องสายตาดูใน paragraph จะได้หาได้ง่ายและเวลาไปดูในข้อสอบนะคะ ก็ต้องวงไว้ด้วยเช่นกันแล้วอ่านประโยคต่อไป
- Subject และ Verb ของประโยคค่ะ ทีนี้ดูด้วยนะว่าในประโยคคำถามมีความหมายบวกหรือลบ
คือการอ่านเร็วๆ และเมื่อเจอประโยคที่มี keywords ก็ให้อ่านประโยคนั้นทั้งประโยค ดูว่าเนื้อความนั้นใช่คำตอบตามที่เราตามหาหรือไม่ ถ้ายังไม่ใช่ ให้อ่านต่อไปค่ะ ยกตัวอย่างว่าในคำถาม มีคำว่า London และถามถึง Experiment
และสมมติตอนที่เราอ่าน เราเจอแต่คำว่า London และในประโยคที่มีคำว่า London นั้น ยังไม่มีเรื่อง Experiment ก็ให้อ่านต่อไปอีกประโยค เผลอๆ บางทีอาจจะยาวไปอีก 3 ประโยคก็ได้ค่ะ อ่านแบบ skim จนกระทั่งเจอเนื้อความที่เราตามหานะคะ และดูประโยคต่อมาหลังจากที่เราเจอเนื้อความแล้วด้วยค่ะว่าเนื้อความมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าสมมติว่าขึ้นต้นด้วย connectors เหล่านี้
- But
- Although
- However
- If …
จำพวกนี้นะคะ รู้ไว้ทันทีว่าเนื้อความมีการเปลี่ยนแปลงแน่ๆ และอาจส่งผลกระทบต่อคำตอบของเราค่ะ
1. ห้ามอ่านเพื่อความบันเทิงนะ คิดไว้ค่ะว่าเราอ่านเพื่อหาคำตอบ เมื่อได้คำตอบปุ๊บเราจะสิ้นเวรสิ้นกรรมกันทันที ให้เชิดหน้าหนีแล้วรีบโฟกัสกับคำถามข้อต่อไปเลย
2. อ่านแค่เนื้อความประโยคหลักก็พอค่ะ มองข้ามส่วนขยายไปบ้างก็ได้ เพราะบางทีส่วนขยายมันไม่ใช่คำตอบค่ะ คำตอบจะอยู่ที่ประธานและกริยาหลักมากกว่า
3. 3 คำถามมักจะเรียงตามออเดอร์เสมอ ด้วยความที่ข้อสอบ IELTS จะต่างจากข้อสอบของการสอบประเภทอื่น ด้วยความที่ว่าข้อสอบ IELTS เน้นความเข้าใจจริงๆ ดังนั้นจึงแนะนำให้นักเรียนอ่านคำถามก่อน แล้วไปอ่าน passage แบบ skim เพื่อให้รู้ใจความและเนื้อหาที่เขาต้องการจะสื่อ รวมถึงสามารถหาคำตอบได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ เพราะบางที ข้อสอบ IELTS มันมีคำถามประเภทที่ว่าอะไรคือใจความหลักของย่อหน้านี้
ดังนั้น เราจึงไม่สามารถข้ามไปข้ามมา แล้วมองหา keywords มาตอบเลยทันที แต่เราต้องเข้าใจเนื้อความเพื่อที่จะตอบคำถามได้อย่างถูกต้องค่ะ
งั้นลองมาดูโจทย์กันค่ะ
21 Water use per person is higher in the industrial world than it was in Ancient Rome.
22 Feeding increasing populations is possible due primarily to improved irrigation systems
23 Modern water systems imitate those of the ancient Greeks and Romans.
24 Industrial growth is increasing the overall demand for water.
25 Modern technologies have led to reduction in the domestic water consumption.
26 In the future, governments should maintain ownership of water infrastructures
ลองฝึกวงกันดูนะ ให้เวลา 20 วิพอค่ะ
เอาละ เสร็จแล้วใช่มั้ย ทีนี้ก็พอจะเห็นรูปแบบและเทคนิครวมถึงขั้นตอนที่จะทำให้เราทำข้อสอบการอ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วเนาะ มาถึงจุดนี้ อาจารย์อยากขอให้ทุกคนลอง ดาวน์โหลดข้อสอบ ด้านล่างนี้ไปดู
มีอยู่แค่ passage เดียวเท่านั้น อย่าพึ่งขี้เกียจกัน ใช้เวลาทำ 20 นาที ห้ามขาดห้ามเกิน แต่ก่อนที่จะทำลงมาดูเทคนิคการอ่านและการทำข้อสอบของ passage นี้กันดีกว่าค่ะ
มาดูกันดีกว่าค่ะว่าสำหรับข้อสอบ Reading นั้นจะมีประเภทคำถามได้ทั้งหมดกี่ข้อกัน อันนี้คือรวมหมดเลยทั้ง 3 passages และในแต่ละ passage ก็จะสามารถมีคำถามได้ประมาณ 2-3 ประเภทค่ะ
- Multiple Choice
- Short-answer questions
- Sentence completion
- Notes/table/summary flow-chart/diagram completion
- Yes, No, Not Given or True, False, Not given
- Classification
- Matching lists /phrases
- Choosing headings for paragraphs/ sections of a text
- Scanning and identifying location of information
- Labeling a diagram which has numbered parts.
ตายละ มากันเป็นสิบแบบนี้ หนูจะตายมั้ยคะ
งานนี้ช้าก่อนค่ะ…ห้ามเงิบ ห้ามตาย ห้ามฉีกกระดาษข้อสอบนะคะ
ซึ่งในการทำข้อสอบแต่ละประเภทนั้นก็จะมีเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป แต่ด้วยความที่มันมีถึง 10 กว่าประเภทด้วยกัน ดังนั้นอาจารย์นุ้ยจะขอพูดแบบรวมๆ ละกันนะคะ และเลือกจับตัวที่สำคัญและเจอแน่นอนมาสาธิตให้ดูกันในคลิปวิดีโอวันนี้
อันดับแรกสุดก็คือตัวยอดฮิตและดาวเด่นของข้อสอบ Reading อย่าง True, False, NotGiven หรือ Yes, No, Not Given คือการบอกว่าคำถามนี้ถูกต้องตามข้อมูลที่ปรากฏหรือไม่ ซึ่ง True, False, NotGiven หรือ Yes, No, Not Given เองก็ไม่ได้ต่างกันเยอะนะคะ โดยต่างกันที่จุดนี้
- True,False,NotGiven – เป็นการถามถึงข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ใน passage ว่าตรงกับคำถามหรือไม่
- Yes, No, Not Given – เป็นการถามถึงความคิดเห็นที่ปรากฏอยู่ใน passage ว่าตรงกับคำถามหรือไม่
หลักในการทำนะคะอันดับแรกสุดเลยก็แนะนำให้วงกลมดังที่แนะนำไปแล้ว และไม่ต้องจำคำถาม เอาแค่ว่าอย่างน้อยผ่านตาก็พอ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็นมันอีกครั้ง ยังไงเราก็ยังจำได้อยู่ดีค่ะ (และถึงพยายามจำไปแต่แรก ยังไงก็ลืมค่ะ ฮือ)
และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำข้อสอบแบบTrue, False, Not Given/Yes, No, Not Given ก็คือการเลือกคำตอบให้ถูกต้องค่ะโดยที่…
- True หมายความว่าเนื้อความที่ปรากฏอยู่ใน Passage กับเนื้อความที่ปรากฏอยู่ในคำถามตรงกัน 100%
- False หมายความว่าเนื้อความที่ปรากฏอยู่ใน Passage ตรงกันข้ามกับเนื้อความที่ปรากฏอยู่ในคำถาม 100%
- Not Given หมายความว่ามีการพูดถึงเนื้อความที่ไม่ได้ที่ปรากฏอยู่ใน Passage
และส่วนต่อมาที่จะปรากฏในข้อสอบ ก็คือ Choosing headings for paragraphs นั่นเองค่ะ เป็นการเลือกใจความหลักของแต่ละ paragraph นั่นเอง ซึ่งเทคนิคในการทำ อย่างที่บอกไปแล้วว่าเนื้อหามันจะเรียงตาม order ใช่มั้ยคะ ดังนั้น ข้อก็จะเรียงตาม paragraph เช่นกันค่ะ มาลองดูกันเลย
List of Headings
1 Paragraph A
2 Paragraph C
3 Paragraph D
4 Paragraph E
5 Paragraph F
6 Paragraph G
7 Paragraph H
ด้วยความที่เป็นการถามหา Main Idea เราจึงต้องอ่าน paragraph แต่ละ paragraph แบบ skim เพื่อให้เข้าใจใจความทั้งหมดนั่นเองค่ะ และเมื่ออ่านจบหนึ่งย่อหน้า ก็ให้รีบสรุปใจความของย่อหน้านั้นๆ ด้วยการเขียน keyword สำคัญลงไปว่าเกี่ยวข้องกับอะไร และนำมาเทียบกับช้อยส์ว่าตรงกับข้อไหน และนั่นก็เป็นคำตอบนั่นเองค่ะ
พอเห็นภาพคร่าวๆ แล้วใช่มั้ยคะ งั้นก็ได้เวลาทำ passage แล้วละค่ะ ทีนี้ทำด้วยความซื่อสัตย์ กินขนมไปด้วยก็ได้ แต่อย่าลอกเพื่อนนะ แล้วมาดูวิดีโอเฉลยกันค่ะ
จะต้องฝึกอ่านให้เยอะๆ ค่ะ แต่อ่านในที่นี้ไม่ใช่การอ่านภาษาไทยนะคะ ช่วงนี้เราเตรียมสอบภาษาอังกฤษ เก็บภาษาไทยไว้อ่านเพื่อความบันเทิงค่ะ และถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มอ่านจากอะไรดี เราอาจจะเริ่มจากจุดง่ายๆ อย่างสังคมออนไลน์ อาจารย์เชื่อว่าทุกคนมีเฟสบุ๊คอยู่แล้ว ซึ่งเว็บที่แนะนำก็คือ buzzfeed เป็นเรื่องราวบันเทิงแบบฝรั่งค่ะ กดไลค์ไว้ ให้มันขึ้นฟีดนะคะ แล้วเราจะอ่านเองโดยไม่รู้ตัว และพวกสำนักข่าวต่างประเทศอย่าง BBC, CNN หรือ Reuters ก็กดไลค์ไว้ค่ะ เพราะจะทำให้เราได้อ่านแบบผ่านๆ ทุกวันเช่นกัน
และนอกจากนี้แล้ว ลองซื้อหนังสือพิมพ์ Bangkok Post หรือ Reader Digest มาอ่าน รวมถึงอ่านเว็บไซต์ดีๆ อย่าง Interscience หรือ The British museum ค่ะ ซึ่ง Interscience จะรวบรวม scientific articles ไว้มากมายเลยค่ะ ในขณะที่ British Museum ก็จะมี Articles ที่เกี่ยวข้องกับโบราณคดีและสิ่งที่น่าสนใจจากทั่วโลกเลยค่ะ
เราก็อาจจะถาม ลองคิดหรือตั้งประโยคดูในใจก็ได้ว่า Marie Curie’s husband was a joint winner of both Marla‘s Nobel Prizes. แล้วก็ลองตอบเองดูค่ะ ซึ่งการฝึกแบบนี้จะทำให้เราคุ้นชินกับรูปแบบการออกข้อสอบมากขึ้น รวมถึงโฟกัสจุดที่เป็นคำตอบได้ง่ายขึ้นเช่นกันค่ะ
แล้วก็อีกอย่าง อย่าลืมเตรียมตัวด้านคำศัพท์ให้พร้อมนะคะ สำคัญมากจริงๆท่องให้เยอะ อ่านให้เยอะ ฝึกให้เยอะ รับรองคว้าชัยในห้องสอบแน่นอน ใครที่มีข้อสงสัย อยากรู้ว่าแล้วเทคนิคอื่นๆ ล่ะเป็นยังไง สามารถโพสต์คำถามทิ้งไว้ได้เลยนะคะ สัญญาว่าตอบแน่นอน
และถ้าใครที่อยากปูพื้นฐานให้แน่นปึ้ก รวมถึงฝึกฝนกลเม็ดเคล็ดลับต่างๆ ที่จะช่วยดันคะแนน IELTS ให้ได้สูงปรี๊ด ก็สามารถแวะเวียนมาถามรายละเอียดของ หลักสูตร Full Package IELTS ของทางโรงเรียน Eng Me Up ได้นะคะ ยินดีต้อนรับทุกคนจากหัวใจเลย <3
สุดท้ายอยากฝากไว้ว่า “Impossible = I’m possible”
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ค่ะ เตรียมตัวให้พร้อม
แล้วขอให้โชคดีกันนะคะทุกคน 🙂