Chapter 10
If-Clause ร้องง่าย จำสบาย ใช้เป็นตลอดชีวิต
“If” ที่แปลว่า “ถ้า” ในมุมมองผม ก็สามารถมองให้เป็น conjunction ตัวนึง เพราะมันเชื่อม 2 ประโยคที่มีเงื่อนไขต่อกันเข้าด้วยกัน
โดยประโยคที่ตามหลัง If เราจะเรียกว่า If clause หรือ Conditional Clause หรือประโยคเงื่อนไข นั่นเอง
หลายคนน่าจะพอคุ้นๆ ว่า If-Clause มี 3 รูปแบบ แต่จำไม่ได้แล้วว่าแบบไหนบ้างหว่า โครงสร้างเป็นยังไง ซึ่งอาจารย์โจก็เคยเป็นครับ ก็ตอนเด็กๆ โดนบังคับให้ท่อง ท่อง ท่อง แล้วก็เข้าไปสอบ พอสอบเสร็จก็ลืม คืนอาจารย์ไปหมด หรือบางคนจำโครงสร้างได้ แต่ก็ยังใช้ไม่ถูกบริบทอยู่ดี
ดังนั้น clip ข้างล่าง อาจารย์โจมีเพลงมาฝากกันครับ ร้องง่ายๆ จำได้ตลอดไป และใช้ถูกต้องด้วยนะ เห็นโครงสร้างนี้รู้ทันทีว่า สมมติยังไง สมมติแบบเกิดจริงได้ หรือไม่ได้ หรืออันไหนแค่เพ้อเจ้อ อันไหนคือแก้ตัว เรามาดูกันดีกว่า
ขออ้างอิงไปที่ข้อสอบ TOEIC หรือ ข้อสอบวัด Grammar ใดก็แล้วแต่ ที่โจทย์เป็นประเภท Sentence Completion หรือ มีช่องว่างเพียงช่องเดียว แล้วให้เราเลือก Choice ว่าจะเอาอะไรไปเติมในช่องนั้นดี ซึ่งหากข้อสอบถามเรื่อง If Clause จะหวานหมูมากๆ .. ต้องห้ามใช้เวลาเกิน 2 วินาทีนะ สัญญาก่อน โอเคป่าว … เพราะ เราแค่ดูว่า “โครงสร้างไหนมันคู่กันเท่านั้นเอง”
ลองมาตะโกนตอบไปพร้อมกันในคลิปตัวอย่างข้อสอบ TOEIC
เรื่อง If-Clause ด้านล่างนี้ครับ
แต่ถ้าเป็นข้อสอบ CU-TEP นั้น เนื่องจากเป็น Error Detection มีสิทธิ์ขีดให้เราคิดได้ตั้ง 4 ที่ ดังนั้น เขาอาจเลือกขีดทั้ง 2 ฝั่ง ของ If Clause ก็ได้ ถามว่ายากไหม ก็แค่เสียเวลาขึ้น ถ้าโครงสร้างของ 2 ฝั่งมันไม่เข้ากัน เราก็เหลือ 2 Choices ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่งต้องผิด ทีนี้จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายยังไง ก็อยู่ที่การใช้งานจริงแล้วล่ะ ว่าเป็นเหตุการณ์สมมติแบบเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
ไม่ต้องทำหน้างง … ดูตัวอย่างโจทย์
และวิธีการคิดในข้อสอบ Error Detection ของข้อสอบ CU-TEP กันได้เลยครับ
ซึ่งถ้าใครกำลังเตรียมสอบ CU-TEP หรือ TOEIC หรือ IELTS …
เข้าไปเตรียมตัวกันฟรีๆ เต็มๆ ได้ใน blog.englishmeup.com
และเลือกวิชานั้นๆ ได้เลยครับ
มาถึงตรงนี้ ทุกคนต้องจำโครงสร้างได้แม่น และใช้ได้อย่างถูกต้องกันแล้วนะครับ
ทีนี้ ขอลบภาพจำในอดีตกันนิดนึง … หลายคนติดว่า ต้องเป็นคำว่า If ถึงจะใช้โครงสร้างที่เราท่องๆ กันมา แต่จริงๆ แล้ว ถ้าแปลแล้วเข้าข่ายว่ามันเป็นเงื่อนไข มันก็ใช้โครงสร้างพวกนี้อยู่ดี ดังนั้น ใช้ชื่อบทว่า Conditional Clause อาจดูเหมาะสม เข้าท่า ราคาแพงกว่านะค้าบบ …
1. Unless = ถ้า……ไม่ (= if……not), เว้นแต่ นอกจาก เช่น
- Unless there is some rain, the flowers will die. (= If there is no rain, the flowers will die.)
ถ้าไม่มีฝน ดอกไม้ก็จะตาย - You will fail unless you study harder. (= You will fail if you don’t study harder.)
คุณจะสอบไล่ตก ถ้าคุณไม่เรียนให้มากขึ้นกว่านี้ - Peter will miss the bus unless he runs. (= Peter will miss the bus if he doesn’t run.)
ปีเตอร์จะไม่ทันรถบัส ถ้าเขาไม่วิ่งเอา - Unless bad weather stops me, I go for a picnic every Sunday.
ถ้าอากาศเลวไม่ขัดขวางผม ผมออกไปทานข้าวป่าทุกวันอาทิตย์
2. Even if = แม้ว่า, เช่น
- Even if I had no money, I wouldn’t borrow any from my friends.
แม้ว่าผมไม่มีเงิน ผมก็จะไม่ยืมเอาจากเพื่อนของผม - Marry never hurries even if she is very late
แมรี่ไม่เคยรีบร้อนเลย แม้นว่าเธอจะสายมากขนาดไหน
3. So long as = ตราบเท่าที่, หากแม้นว่า
4. Suppose (that) = ถ้าสมมติว่า
5. Supposing (that), Provided (that) = ในกรณีที่
6. On condition (that) = ในกรณีที่
7. In case = ในกรณีที่
เห็นไหมเอ่ย ควรเรียกมันว่า If Clause ป่ะล่ะ
