Chapter 7
เติม Part of Speech ครบ พร้อมสร้างประโยคทุกรูปแบบ
Part of Speech หรือ ประเภทของคำ ในภาษาอังกฤษมีอยู่ 4 ประเภท คือ Verb, Noun, Adjective และ Adverb
ซึ่งเรียงตามลำดับความสำคัญดังนี้
1. Verb คงไม่ต้องพูดอะไรกันมากถึงความสำคัญของพระเอกและพระรองของเรา ที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่ใช่เพราะไม่มีอะไรให้พูดนะครับ แต่เป็นเพราะ บทความก่อนหน้าทั้งหมด เราให้ความสำคัญกับมันอย่างสุดๆ ไปแล้วต่างหาก [ห้ามไปต่อถ้ายังไม่รู้จักพระเอกและพระรองของเรานะครับ ^^]
2. Noun
หน้าที่
หลัง Preposition
หลัง Article
หลัง Possessive Adjective
Noun >> Cat, Dog, Table
Gerund >> Drinking, Walking, Eating
Infinitive >> To drink, To walk, To eat
Pronoun >> He, She, It, They, I, You, We
Him, Her, It, Them, Me, You, Us
Noun Clause >> What you have done hurts me.
สิ่งที่คุณทำ ทำให้ฉันเจ็บปวด … สิ่งที่คุณทำ คือ Noun Clause ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค
3. Adjective
หน้าที่
ขยาย Noun
หน้า Noun
หลัง Verb to be/ หลัง Linking Verb
จำจากตัวประโยคแสดงตัวเราครับ LoL
- I am very handsome.
- A. Joe is a handsome guy
4. Adverb
หน้าที่
ขยาย Verb/ Adjective/ Adverb (เหมาหมดแหละ ก็วิเศษณ์ไง)
อยู่พล่านไปหมด ช่างเหอะ
[คือ ในบทเรียนเราเมื่อก่อน คือ ต้องมาแบ่งประเภทกันอีกไงว่า Adverb มีกี่ประเภท ประเภทนี้
อยู่ตรงไหน กว่าสมองจะ process เสร็จ ฝรั่งเดินหนีไปแล้วจ้า … หรืออย่างการทำข้อสอบถ้าเป็น
พวกแนว Sentence Completion แบบ TOEIC เราก็คิดตัวอื่นให้ครบก่อนแล้วเก็บ Adverb ไว้
เดา หรือถ้าเป็นพวก Error Detection ก็เน้นวิเคราะห์หน้าที่เป็นหลักอยู่ละ ถ้ายึดติดกับตำแหน่งที่อยู่ของมัน รับรองว่ามีเสียแต้มในหลายๆ ข้อ แน่นอนครับ]
หน้าที่และตำแหน่งของคำแต่ละประเภท ใช้เวลา 2 นาที ก็ท่องกันได้หมดแล้วครับ ส่วนสำคัญคือการนำไปใช้จริงต่างหาก และปัญหาต่อมา มันมาตกอยู่ที่คำศัพท์นะครับ
ถ้าเรากำลังทำข้อสอบ Grammar หรือข้อสอบวัด Structure … ใน 1 ช่องว่างที่เว้นไว้ให้เราเติม เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า “ต้องการคำประเภทไหน” ซึ่งนักเรียนที่ติดตามอาจารย์โจจะต้องแม่นเป๊ะ กับ Algorithm หรือ Step ในการพิชิตโจทย์ Grammar ของข้อสอบแต่ละประเภทกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น CU-TEP หรือ TOEIC (สามารถเข้าไปอ่านใน Mini-Book ได้ฟรี ที่ blog.englishmeup.com) นอกจากนั้น Grammar ที่เราต้องรู้ (ทัน) เราก็ปึ้กพอประมาณจาก Chapter ก่อนหน้านี้
เราจะพอรู้ทันทีว่า ช่องว่างนั้น ต้องการ Adjective หรือ Noun หรือ Verb หรือ Adverb เข้าไปเติม ซึ่งถ้าเรารู้ความหมายของศัพท์ใน Choice เราก็วิเคราะห์กันต่อได้อย่างไม่ยากเย็น เช่น beautiful ทุกคนแปลได้ คือ สวย ซึ่งแน่นอน มันก็ต้องไปขยาย Noun สิ ว่าสิ่งใดสวย คนใดสวย หรืออะไรสวย ดังนั้น beautiful เป็น Adjective แน่นอน
…. เห็นปัญหาแล้วใช่ไหมคล่ะครับ ถ้าเจอศัพท์แปลกๆ ซึ่งผมบอกแล้ว คำศัพท์คือสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ และไม่มีใครรู้ทุกคำครับ ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่จะช่วยเราได้อย่างมากในการเดาว่าคำนั้นเป็นคำอะไร ก็คือ คือ คือ คือ (ที่ลากมา คือ ให้ตอบนะครับ) คือ …. ใช่ครับ Suffix หรือ สิ่งที่มาต่อท้ายคำนั้นนั่นเอง และเช่นเคย อาจารย์โจก็มีคลิปเรื่อง Suffix & Prefix มาฝากกันครับ
ดังนั้น เวลาเราท่องศัพท์สักคำหนึ่ง ด้วยวิธีการใดก็ตาม ไม่ว่าจะร้องเพลง เคาะทำนอง จำเป็นหมวดหมู่ หรือ ใช้ Application WORD ME UP สร้างความจำถาวรบนคำศัพท์เฉพาะ จากงานวิจัยการทำงานและจัดระเบียบข้อมูลของสมอง (Software คำศัพท์จะถูกแถมในคอร์สเตรียมสอบทุกชนิด) สิ่งหนึ่งที่อยากให้พยายามแตกยอดออกมาคือ ลองคิดว่า มันมี Part of Speech อื่นๆ ไหมน้า อย่างเมื่อกี้เรารู้จักว่า
[She is beautiful/ She is such a beautiful woman/ She looks beautiful]
ก็ลองไล่ต่อ ว่า เอ๊ะ! มี Noun ไหมน้า ….. ความสวย ประมาณนี้ ก็ คือ …. Beauty
[The whole area is famous for its natural beauty.]
มี Adverb ไหมน้า … อันนี้ค่อนข้างง่าย เติม –ly ไปหลัง Adjective ได้เป็น beautifully อย่างสวย เลยว่ะแก
[She can sing beautifully.]
มี Verb ไหมน้า … Beautify ทำให้สวยงาม
[The flowers on this hill beautify this area.]
อาจารย์โจมี Clip เทคนิคการสร้าง Vocab Brain Map
มาฝากกันครับ
ลองไปฝึกฝนกันดู ไม่ต้องกลัวผิดครับ ลองคิดไปเรื่อยๆ โดยใส่ suffix ที่เราได้เรียนไปแล้ว แล้วลองใช้ feeling ดู อันไหนตลกก็ตัดทิ้ง แล้วลองเช็คดูจาก Online Dictionary ว่ามีคำแบบนี้ตามที่เราคิดหรือปล่าว
ทำไปบ่อยๆ เราจะเข้าใจ และแตกคำศัพท์ออกมาได้อีกมากมายอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น
Eat = กิน
เราลองทำให้เป็น Adj >> Eat + able = Eatable สามารถกินได้ … ปรากฎว่ามีคำศัพท์นี้จริง เราก็แต่งประโยคได้เลยครับ Is this thing eatable? สิ่งนี้มันกินได้ไม๊น้า แบบนี้ครับ
… และการที่เราแยกออกว่า คำศัพท์ตัวนี้ เป็นคำประเภทอะไร เวลาเราต้องอ่าน Passage ยากๆ เราก็ยังเอา Grammar เหล่านี้ มาเดาความหมายได้อีกด้วยน้า หรือทำให้เกิดความหลากหลายในการใช้คำ เมื่อเราต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารด้วยนั่นเอง