TRUSTED BY 
10,000+ Students
10+ Leading Organizations & Universities
TRUSTED BY 
10,000+ Students
10+ Leading Organizations & Universities
TRUSTED BY 
10,000+ Students
10+ Leading Organizations & Universities

CU-TEP Writing

ENG ME UP CHANNEL

Previous slide
Next slide

Share :

CU-TEP
Writing Part

ข้อสอบ Part สุดท้าย … แต่ เป็นด่านแรกที่ต้องเรียนรู้

Mini Chapter 1

รู้จักธาตุแท้ CU-TEP Writing Part .. ข้อสอบอะไร โหดจังวุ้ย!
ตีแผ่ Problem เผย Solution … รู้งี้ ผ่านไปนานแล้ว

รู้จักข้อสอบ CU-TEP

CU-TEP
CHULALONGKORN UNIVERSITY TEST OF ENGLISH PROFICIENCY

ข้อสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อ (Academic English) ที่มีลูกเล่นมากที่สุดในท้องตลาด

120 ข้อ 120 คะแนน ตอบผิดไม่มีติดลบ กับเวลาสุดบีบคั้น 130 นาที 

  • Listening – ที่แค่ฟังได้ยังไม่พอ 30 ข้อ 30 คะแนน
  • Reading – ที่อ่านได้แปลรู้เรื่อง ยังโดนหลอก 60 ข้อ 60 คะแนน
  • Writing – ที่ไม่ต้องเขียน แต่ให้จับผิด ข้อหลอกเพียบตามฉบับคนไทยออก 30 ข้อ 30 คะแนน

.. ทำไม่ทัน 
.. รู้สึกว่าทำได้ แต่คะแนนต่ำกว่าที่คาด
.. สอบหลายครั้ง เตรียมมาหลายรูปแบบ คะแนนก็วนไปวนมา ไม่ถึงเป้าหมาย 

CU-TEP ข้อสอบสุด Tricky 
ที่ต้องเข้าใจกระบวนการ กลไก ลูกเล่นการออกข้อสอบ
เพื่อสร้าง Algorithm หรือ Step การคิดที่ครอบคลุมโจทย์ทุกประเภท
เตรียมให้ตรง ฝึกให้ครบ แก้ไขจุดอ่อนให้เป๊ะ 

… กุญแจสู่ความสำเร็จกำลังจะถูกเปิดเผย

    CUTEP ไม่ใช่ Essay Writing ไม่ได้ให้เขียนจริง จึงไม่ใช่ข้อสอบ Subjective ที่ขึ้นกับผู้ตรวจข้อสอบ … แต่มันกลับ ยาก โหด หิน เป็นที่สุด

     CUTEP Writing คือ ข้อสอบ Error Detection หาจุดผิด 1 ใน 4 Choice สไตล์คนไทย ที่เน้นเรื่อง Grammar แบบจัดเต็ม บวกลูกเล่นสุดล้ำ จนหลายๆ คนขยาด และให้ฉายาว่ามันคือข้อสอบที่ Tricky ที่สุด

      ด้วยความที่ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา เขาเก็บข้อลูกเล่นที่นักเรียนไทยมักตอบผิดเอาไว้เรื่อยๆ ส่วนข้อที่ง่ายๆ ก็โยนทิ้งไปเพราะมันไม่สะใจ แถมยังเข้าใจว่าเด็กไทยคุ้นเคยกับการใช้ผิดๆในจุดไหน เรียกว่า นับถือผู้ออกจริงๆ ครับ

     แต่อย่างไรก็ตาม การออกข้อสอบระดับนี้ต้องมีมาตรฐานชัดเจน
มีข้อระดับ Basic ใช้เวลาไม่กี่วินาที ไปจนถึงข้อที่มีลูกเล่นหนักๆ ในหลายรูปแบบ ที่ทำให้ทั้งเสียเวลา และพรากคะแนนไปอย่างเลือดเย็น

     ดังนั้น หากเราคลุกคลีอยู่กับข้อสอบเป็นเวลานาน เราก็จะเข้าใจกระบวนการออกข้อสอบอย่างลึกซึ้ง และการเข้าใจกระบวนการออกข้อสอบนี้ … ก็จะกลั่นออกมาเป็นกระบวนการคิดเป็นลำดับ หรือ Algorithm ที่มีขั้นตอนชัดเจนตามลำดับความลึกของการออกข้อสอบในข้อนั้นๆ จากระดับ Main Structure ลงสู่ Hidden Structure ไปจนถึงเจตนาการสื่อสาร ความหมายเฉพาะ และข้อที่เป็น การใช้แบบเฉพาะ หรือ Special Case

คลิกที่รูปเพื่อชมคลิป

     Writing Part ของ CUTEP จึงเป็น Part ปราบเซียน โดยเฉพาะคนที่ใช้ความคุ้นเคย ประมาณว่า เลือกข้อนี้ เพราะมันแปลกๆ มันไม่คุ้น มันไม่เคยเจอ ไม่เคยใช้ … แต่ที่เราคุ้นนั้นมันถูกหรือผิด เราแน่ใจหรือไม่ … จึงมักเกิดอาการว่า ทำไมคะแนนออกมาถึงน้อยกว่าที่เราคาด และ ทำไมคะแนน Part นี้ เดี๋ยวก็ขึ้น เดี๋ยวก็ลง ไม่เสถียรซักที

     Part นี้ จึงต้องอาศัยการเปิดใจ ค่อยๆ ยอมรับ ใส่กระบวนการคิดที่ประยุกต์โจทย์ได้จริง และเอา Input หรือความรู้ Grammar ที่จำเป็นพื้นฐานไปจับกับขั้นตอน แล้วค่อยๆ ฝึกโจทย์ตามลำดับความยาก เพื่อแก้ไขทีระดับ การเตรียมสอบแบบนี้ ใช้เวลาหน่อย แต่มันจะแก้ได้ถึงรากถึงโคน เรียกว่า ขุดมาแก้กันเลยทีเดียว … แล้วเราจะถึงขั้นแยก Level ข้อสอบเองได้ในห้องสอบ และกำหนดกลยุทธ์ได้ถูกต้องในการทำโจทย์แต่ละข้อ และในที่สุด คะแนนจะขึ้นอย่างเสถียร

     อ้อ … และถ้า Writing Part เก่ง หมายความว่า Structure เราแม่นเปรี๊ยะ เราจะไปทำ Reading ซึ่งมีสัดส่วนถึง 50% หรือ 60 จาก 120 คะแนน ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นมากๆๆๆ เรียกว่า ที่ยาวๆ อ่านน้อยลง ประหยัดเวลา แถมโดนหลอกน้อยลงอีก เพราะเราแยกได้หมดไหนส่วนหลัก ไหนส่วนรอง และชีวิตการใช้ภาษาอังกฤษของเราก็จะดีขึ้นแบบจริงจัง เพราะเรามี Structure ในหัวอยู่เสมอ … แน่ล่ะ! ก็ฝึก Writing Part นี้มาซะจนจับผิดเก่งขนาดนี้ 

     แต่ถ้าเรียนอีกแบบจะ wow และรู้สึกง่าย คือ สอน Grammar ทีละเรื่อง แล้วใส่หลักการจำ ใส่เพลง ใส่ทำนอง ให้ท่องเป็น pattern แล้วแยกโจทย์เฉพาะเรื่องมาให้ทำ สนับสนุนกับสิ่งที่ให้ท่อง … ทุกคนจะรู้สึกว่าง่ายจัง แต่ลองเข้าห้องสอบสิคับ จาก “ว้าว!” จะกลายเป็น “ว๊าย!” แน่ๆ เมื่อทุกสิ่งยำรวมกันหมด 

ดังนั้น ปัญหาที่ทุกคนมักเจอ ใน Part นี้ 

  1. ทำไม่ทัน : Workload หนักมากนะ เพราะ ข้อนึงมี 4 choices ที่ต้องเช็ค … คิดดูว่า ถ้าไม่มีขั้นตอนการคิดเป็นลำดับ นั่งเช็คไปเรื่อยๆ เหมือนต้องคิดทั้งหมด 30 * 4 = 120 ข้อย่อย กันเลยทีเดียว
  2. ไม่รู้จะเริ่มต้นคิดยังไง ยิ่งข้อยาวๆ นะ ปวดหัวมาก 
  3. แปลไม่ออก … ใบ้ไว้ก่อนว่า ถ้าเน้นแปลตั้งแต่ต้น นอกจากเสียเวลา นอกจากต้องกังวลคำศัพท์มากมาย ยังอาจเผลอคิดในแง่มุมของความหมายตั้งแต่ต้น จนทำให้เราเผลอไปเปลี่ยนคำศัพท์ใน choice (ซึ่งไม่ควร) และในที่สุด จากพาร์ท Structure จะกลายเป็น Reading Part ซะนะครับ
  4. ใช้ sense ในการทำ ฟีลประมาณว่า “ข้อนี้ดูแปลกๆ” … แปลกของเราคนเดียวรึเปล่า ฝากไว้ให้คิด!!
  5. คะแนนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ไม่เสถียร … นั่นก็สืบเนื่องมาจากข้อ 4 ถ้าข้อสอบครั้งนั้น เผอิญ sense เราตรงเยอะ หรือ บังเอิญรู้เยอะ เราก็ได้คะแนนเยอะ

     จะเห็นว่า Writing Part แม้จะเป็น Part สุดท้ายของการสอบ แต่สำคัญมากๆ ที่ต้องจัดให้เป็น Part แรกในการเรียน และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ กลยุทธ์ กลยุทธ์ และ กลยุทธ์

Note!

     ต่อให้กลยุทธ์ หรือ Process เลิศแค่ไหน แต่ถ้า Input ที่เอาไปใส่มันไม่ดี มันไม่พอ … Output ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง Input คือความรู้พื้นฐาน Grammar ที่จำเป็นในการสอบ ไม่จำเป็นต้องเยอะ แต่ต้องเชื่อมโยงได้ เน้นการวิเคราะห์ในแบบ CU-TEP ได้

     … ซึ่งถ้า ใครคิดว่า เอ๊! Input ของเราไม่น่าพอ
ก็สามารถคลิกที่นี่ >> http://blog.englishmeup.com/grammar
เพื่อเติม Input จูน Grammar ด้วยกันก่อน
กับ 10 บทความเปลี่ยนทัศนอคติต่อภาษาอังกฤษ
(แต่อ่านต่อใน Mini Book ของ CU-TEP ด้านล่างนี้ ก็มีทวนให้ครับ)

Share :

How to Use ENG ME UP Blog

Play Video

เนื่องจากเนื้อหา “Mini Book” เตรียมสอบ CU-TEP มีความต่อเนื่องกัน อาจารย์แนะนำให้ศึกษาตามลำดับ โดยเริ่มจาก Chapter 1
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดครับ

เนื่องจากเนื้อหา “Mini Book” เตรียมสอบ CU-TEP มีความต่อเนื่องกัน อาจารย์แนะนำให้ศึกษาตามลำดับ โดยเริ่มจาก Chapter 1 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดครับ