Article 26
เผยโครงสร้างข้อสอบ IELTS Speaking
เพิ่มกลยุทธ์ทำคะแนนพาร์ทการพูด
สำหรับข้อสอบการพูดนะคะ มีทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน และจะเรียงจากง่ายไปยาก งั้นก็มาดูกันค่ะ
เปิดมาเซคชั่นแรกจะเหมือนการวอร์มเครื่องให้ร้อนค่ะ เพราะเราจะต้องคุยกับ Examiner หรือกรรมการ ซึ่งในห้องก็จะมีกรรมการคุมสอบกับเครื่องอัดเสียงอีกเครื่อง ซึ่งจะอัดไว้ตามกระบวนการสอบเท่านั้นเองค่ะ โดยหัวข้อจะสบายๆ หน่อยและเป็น Everyday Topic เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เกี่ยวข้องกับตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น
Work
I’d just like to ask you some questions about your work.
-What work do you do?
ทีนี้ตอนแรกสุดค่ะเค้าก็ถามเราก่อนหนึ่งคำถาม เมื่อเราตอบเสร็จ ก็จะมีคำถามตามมาเรื่อยๆ โดยที่ยังเป็นหัวข้อเดียวกันอยู่ เช่น
-What do you enjoy most about your work?
-What are your main duties?
-Is there any other work you would like to do in the future?
จะเห็นได้ว่าเป็นการถามเรื่องงานโดยทั่วไปไม่มีการถามถึงในเชิงลึก ทีนี้มาลองดูตัวอย่างคำถามอีกข้อกันดูนะคะ
Free Time
I’d like to move on and ask you some questions about your free time
-What type of activities do you like to do in your free time?
ถามว่าชอบทำอะไร ในเวลาว่าง ดังนั้นเราต้องตอบให้เป็นประโยคนะคะ ตัวอย่างเช่น I love outdoor activities such as go camping and go fishing แทนที่เราจะตอบว่า go camping หรือ go fishing เฉยๆ ค่ะ แล้วกรรมการก็จะถามคำถามต่อมาค่ะ เช่น
- How long have you been interested in these activities?
- Do you like to do theses activities alone or with other people? (Why)?
- Do you think people have enough free time? (Why/why not)?
จะเห็นได้ว่าคำถามใน section 1 นั้นไม่ได้ยากอะไรเลยแต่สิ่งที่อยากเน้นก็คือคำถามมันกว้างค่ะ ดังนั้นถ้าเราลองหาตัวอย่างคำถามมานั่งดูก่อนเพื่อเป็นการเตรียมตัวมันก็ย่อมดีกว่าไปด้นสดในห้องเลย
และเหมือนเดิมค่ะโรงเรียนของเราก็ได้มีตัวอย่างคำถามส่วนแรกมาแจกกันเหมือนเดิม คลิกกันเลยค่ะ
และมาถึงจุดนี้ ก็มีเทคนิคมาแจกเหมือนเดิมนะคะ สำหรับเรื่องที่อยากฝากไว้ในการสอบพูดก็คือ ไม่ควรตอบสั้น หรือตอบแค่ Yes, Noเท่านั้น เพราะถึงบางประโยคจะเป็น Yes/No Question ก็จริง แต่จริงๆ แล้วต้องมีส่วนขยาย เช่น
What’s your favourite day of the week?
>> Saturday
ตอบแบบนี้ปุ๊บ ชีวิตเราจบปั๊บ ต้องมีการอธิบายด้วยว่าทำไมถึงชอบด้วยค่ะ โดยที่การตอบก็จะมีแพทเทิร์นของมันเอง ยกตัวอย่างเช่น
Let me see…I like Saturdays as the family are all together and we can go out somewhere…but I like
Friday as well….
อะไรแบบนี้ค่ะ ขยายอีกนิดนะคะ ชีวิตสดใสแน่นอน
คือการ Given Topic ให้หัวข้อมาเพื่อพูด โดยจะให้บัตรคำมาหรือที่เรียกว่า Cue Card และให้เวลาเรา 1 นาทีในการร่างสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบัตรคำนั้นๆ และตอบเป็นเวลา 2 นาทีค่ะ ถ้าพูดเกินกรรมการก็จะบอกให้เราหยุดเอง แต่ถ้าเราพูดไม่ถึง กรรมการก็จะส่งสัญญาณว่าให้พูดต่อค่ะ สำหรับหัวข้อจะเจาะลึกขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมอยู่ ยกตัวอย่างเช่น
Describe someone who has had an important influence on your life
ให้เราพูดถึงคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในชีวิตค่ะ ซึ่งในการพูดถึงคนแบบนี้เราก็ต้องระลึกไว้ว่า Who what where when why ค่ะ มาลองดูตัวอย่างสิ่งที่ควรตอบกันเลยดีกว่า
- Who the person is
- How long you have known him/her
- What qualities this person has
- Explain why they have had such an influence on you.
และอีก 1 ตัวอย่างที่อยากให้ดูนะคะก็คือ
Describe a TV show that you enjoy.
ชอบรายการอะไร ซึ่งสิ่งที่ควรตอบก็คือ
- What type of show it is
- How often it is on
- How popular it is with other people in your country
- Explain why you like it.
และตอนนี้ ก็เหมือนเดิมนะคะ มีตัวอย่าง Cue cards มาแจกเช่นเดิมค่ะ และไม่ได้มาแบบธรรมดา แต่ยังมีตัวอย่างสิ่งที่ควรตอบแนบให้ด้วย ดูสิใจดีขนาดไหน รีบดาวน์โหลดกันได้เลยนะคะ
Discuss Abstract Topic เป็นการอธิบายหัวข้อนามธรรมนั่นเอง เนื้อหาจะเป็นการต่อยอดและแอดวานซ์กว่า section 2 โดยจะใช้เวลาในส่วนนี้ 4-5 นาที ประเด็นที่คุยจะเป็นหัวข้อนามธรรมกว่า section 2
ที่นี้เรามาลองดูพัฒนาการของคำถามกันนะคะ ตั้งแต่ส่วนแรกไปจนถึงส่วนที่ 3 เลย
- คำถามแรกสุดเขาอาจจะถามว่า
– What do you do on public holidays?
เราก็แค่ตอบว่าเราชอบทำอะไร เพราะเหตุใดมีกิจกรรมอื่นด้วยไหมเป็นต้น ต่อมาคือ Cue Card หรือ section ที่ 2 ค่ะ
Describe a person you want to go traveling with. Please say
- Who is this person?
- How did you meet him/her?
- Where do you want to go with him/her?
- Why would you go there with him/her?
เห็นมั้ยคะว่ายังเป็นรูปธรรมอยู่ เป็นการถามว่าอยากไปเที่ยวกับใคร เพราะเหตุใด เราก็แค่ตอบตามไกด์ไลน์ที่มอบให้ด้านบนค่ะ และเมื่อเราตอบครบ หมดเวลา ก็จะเข้าสู่ช่วงของส่วนที่ 3 ซึ่งเป็นการอภิปรายในเรื่องที่ต่อยอดจากหัวข้อที่ 2 นั่นเองค่ะ ซึ่งคำถามจะยากขึ้นดังที่จะได้เห็นต่อไปนี้
Discussion
- What are the benefits of traveling?
- Do you think it is important to travel?
- Should young people go out traveling, when they finish school?
- Do you prefer to travel alone or with others?
- What are the advantages of traveling alone?
- Are there any problems related to traveling with others?
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือ ต้องเรียนรู้ข้อดีและข้อเสีย รวมถึงท่องคำศัพท์ของหมวดต่างๆให้มาก ดังที่ได้แนะนำไปแล้วในขั้นต้นนั่นเองค่ะ