Article 19
วิเคราะห์หน้าตาข้อสอบ IELTS Listening
เดินทางสู่คะแนน 6.5+
พูดถึงข้อสอบการฟังปุ๊บ สิ่งแรกที่นักเรียนมักจะคิดถึงก็คือ…การฟังนั้นไม่ต้องฝึกหรอก ฝึกยังไงก็ฝึกไม่ได้เพราะการฟังเนี่ยมันเป็นเรื่องของความชำนาญต้องใช้บ่อยๆ พูดบ่อยๆ การฟังบ่อยๆ แต่อีกแป๊บเดียวหนูต้องสอบ IELTS แล้ว เวลาหนูก็มีจำกัดเท่านี้จะเอาเวลาที่ไหนไปฟังคะ หนูว่าหนูไปฝึกเขียนฝึกอ่านดีกว่า
แต่…อย่าเพิ่งเทการฟังทิ้งไปนะคะ จริงอยู่ที่มันต้องอาศัยเวลาในการฝึกก็จริง แต่ก็อย่าลืมเหมือนกันว่าการฟังเนี่ยมันคือคะแนนของเราเหมือนกันและคะแนนที่ว่าเนี่ยก็หมายถึงตังค์ของเราเช่นกัน ค่าสอบก็แพงแบบที่จ่ายทีหน้าซีดไปหลายวัน ดังนั้นเราก็อยากได้คะแนนที่ดีที่สุดถูกไหมคะ
ถ้าใครสิ้นหวังกับการฟังก็อย่าเพิ่งเศร้าใจไป และอย่าพึ่งคิดว่าจะไม่มีหนทางพัฒนา เพราะวันนี้อาจารย์นุ้ยจะมาเปิดโปงและแฉข้อสอบพาร์ตการฟังให้ดูถึงที่ รวมทั้งเปิดเผยเทคนิคอันน่าสนใจในการทำข้อสอบ part การฟัง ที่แม้ว่าถึงเราจะฟังไม่ได้ แล้วสุดท้ายต้องเดา แต่ก็ขอให้เดาอย่างมีทิศทางเดาให้ได้คำตอบที่ถูกต้องค่ะ
(ขึ้นชื่อว่าคำตอบที่ถูกต้องแล้ว…ไม่ว่าจะยังไงมันก็คือคะแนนค่ะ ดังนั้นอย่าสนใจที่มาของคำตอบเลย จะรู้จริงหรือจะเดายังไงเราตอบถูกเป็นอันโอเค 555)
สำหรับข้อสอบการฟังแล้ว เขาจะให้เวลามาทั้งหมด 40 นาที เป็นเวลาฟังเทศน์ เอ้ย ฟังเทปทั้งหมด 30 นาที ที่นี้ก็ให้โฟกัสกับการฟังเทปโดยเฉพาะเลยค่ะ และให้ extra time คือ เวลากรอกคำตอบลงกระดาษคำตอบอีก 10 นาที ซึ่งสิ่งที่ทุกคนต้อง keep in mind ก็คือลอกคำตอบลงกระดาษคำตอบที่ถูกต้องและแม่นยำที่สุด ทั้งนี้ข้อสอบ Listening แบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน
ส่วนที่ 1
เป็น Conversation หรือบทสนทนาของคน 2 คนโดยที่เนื้อหานั้นจะเป็นเนื้อหาทางด้านสังคมทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น การจองโรงแรม การจองรถออกจากสนามบิน และเนื้อหาจะเป็นเรื่องของรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ยกตัวอย่าง เช่น ชื่อ เบอร์โทร. ที่อยู่ ชื่อเมือง หรือพวกชื่อเฉพาะ เป็นจำนวนมาก เช่น
BUSINESS NATIONWIDE
Courses available:
Name of Course: (0) Getting Started
Time: Two hours from (1) __________________
Cost: Free
Course Content: Is starting a business right for me?
Writing a (2)
Some legal issues
Nearest Location: Handbridge
Next Course Date: 20th March
Name of Course: (3) __________________
Length of course: (4) __________________
Cost: (5) __________________or £20 for recently unemployed
Course Content: Day One: Legal Issues
Day Two: Marketing and Pricing
Day Three: Accounting and (6) __________________
Nearest Location: Renton
Next Course Date: 5th March or (7) __________________
CALLER’S DETAILS
Name: (8) __________________
Address: (9) __________________, Eastleigh
email: (10) __________________
ลักษณะจะเป็นโน้ตให้มาแล้วให้เติมคำในช่องว่างนั่นเองค่ะ เราควรจะ focus ให้ดีว่าเขาถามอะไร ยกตัวอย่างเช่น ข้อ 10 ถาม e-mail เราก็ต้องตอบเป็น e-mail นะคะ
ส่วนที่ 2
จะเป็นบทพูดคนเดียวหรือ Monologue โดยที่บทพูดคนเดียวในที่นี้จะมีเนื้อหาเป็นเรื่องทั่วไปของสังคม สำหรับลักษณะของคำถามก็จะหลากหลายขึ้นมาค่ะ ไม่ใช่แค่การโน้ตข้อมูลอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะเป็นให้แผนที่มาแล้วให้เราฟังเขาบรรยายทิศทางหรือที่ตั้งของสถานที่ หากเราแม่นคำศัพท์จำพวกสถานที่ที่ตั้งทิศทาง besides, between, opposite, in front of, behind ฯลฯ จะทำให้เราทำข้อสอบได้ไวขึ้น
ส่วนที่ 3
เป็นบทสนทนา หรือ Conversation ตั้งแต่ 2 คนถึง 4 คนเป็นต้นไป ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับการศึกษา หรือการฝึกอบรม การเลือกหัวข้อการทำรายงานเป็นต้น และสิ่งที่ต้องระวังดีๆ คือจะมีการหลอกที่เข้มข้นขึ้น มีการแสดงความคิดเห็นของผู้พูดเกิดขึ้น และอาจกลับไปกลับมาได้ เช่น บางทีคำถามเขาก็จะถามว่าใครไม่พอใจอะไร หรือนักเรียนคนนี้อยากทำรายงานเรื่องอะไร แล้วก็วกไปวนมาสองสามรอบก่อนจะเข้าเรื่องก็มี
ส่วนที่ 4
ก็คือ Talk หรือ Speech การพูดคนเดียว โดยเนื้อหาจะเน้นหนักไปที่ความรู้ทางด้านการศึกษาในศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม สังคมศาสตร์ หรือภาษาศาสตร์ เป็นต้น ดังนั้น จึงเป็นส่วนที่มีศัพท์เฉพาะมากที่สุด และเนื้อหาก็ยากที่สุดเช่นกันค่ะ นอกจากนี้ ในส่วนของการหลอก ก็จะมีการหลอกที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ในตัวข้อสอบเองจะมีประเภทของคำถามอยู่ 2 ถึง 3 ชุด ยกตัวอย่างเช่น Flowchart, Summary, หรือ Note ดังนั้น ต้องฟังลำดับความให้ดี และฟังคำจำพวก transition signals ซึ่งผู้พูดจะส่งมาเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้ฟังสามารถ catch up ได้ทันค่ะ