TRUSTED BY 
10,000+ Students
10+ Leading Organizations & Universities
TRUSTED BY 
10,000+ Students
10+ Leading Organizations & Universities
TRUSTED BY 
10,000+ Students
10+ Leading Organizations & Universities

MENU TOEIC Listening

ENG ME UP CHANNEL

Share :

Chapter 36

เข้าใจประเภทคำถาม หัวใจทำคะแนน
Question – Response ในข้อสอบ TOEIC
(Part 1: Level 1)

     เมื่อหัวใจอยู่ที่การจับ Keyword ในคำถาม บทความนี้จึงเผยประเภทคำตอบกันแบบหมดจดใน Level แรก พร้อมตอบอย่างไรเอาคะแนนไปเกิน 50% แบบชิวๆ พร้อมวิธีเดาขั้นเทพ

     อย่างที่ได้เกริ่นไป ในบทความก่อนหน้านะครับ ว่า Part นี้ ไม่ได้ยากเลย ขอแค่สมาธิ จับ Keyword ตอนฟังคนถามคำถามเราให้ดี เพื่อประเมินว่าสิ่งที่เขาถามเรามาน่ะ เป็นคำถามประเภทไหน เพื่อจะได้คาดเดาถึงคำตอบไว้ล่วงหน้าได้เลย ซึ่งเวลาฟังเขาอ่าน Choices ก็จะ Focus ได้ง่ายขึ้นมากๆ ครับ

     ทีนี้เราลองมาเจาะประเภทคำถามที่ข้อสอบ TOEIC จะนำมาใช้เพื่อวัดทักษะการฟังในส่วนนี้ของเรากันดีกว่า ซึ่งอาจารย์โจ จะแบ่งเป็น 3 Levels นะครับ คือถ้าทำในระดับยากขึ้นได้ คือ Level 2 คะแนนก็จะสูงขึ้นไปจนอาจได้คะแนนเต็ม หากทะลุปรุโปร่งในคำถาม Level 3 ครับ

Level 1 = 15 – 16 Points

     เอาไว้ตัด Mean คือคะแนนทั่วๆ ไป กลางๆ ทำข้อสอบใน Level 1 ได้ ก็จะได้คะแนนอยู่ราวๆ 15 – 16 คะแนนนั่นเอง

1. Information Questions (Wh- Questions/ How … )

คำถามประเภทนี้เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเฉพาะ คือเจาะ Detail ตรงๆ เลยนั่นเองครับ อย่างเช่น
ง่ายสุดๆ

  • When can the meeting begin?
  • Where’s the post offices? 
  • How long does Mr. Jones need to wait?
  • How far is the train station?

ถ้าได้ยิน Where/ When, How long/ How farเตรียมลูบปากเก็บคะแนนกลับบ้านกันได้เลยครับ ง่ายสุดละ เราแค่หา Choice ที่ตอบเป็นสถานที่/ เวลา/ และระยะทาง ตามลำดับ

ง่ายกลางๆ

เมื่อเราเจอ What/ Which เราอาจต้องจับ Keyword ที่ตามมาเพิ่มอีกนิดนึงครับ อย่างเช่น which color … ?

2. Yes/ No Questions (Auxiliary Verbs: Verb to be/ Verb to do/ Verb to have)

พูดง่ายๆ คือคำถามที่ต้องการให้เราตอบไม่ฝั่ง Yes ก็ฝั่ง No ครับ ซึ่งโจทย์ประเภทนี้ ก็จะขึ้นต้นด้วย Auxiliary Verbs พูดให้หรูน่ะ พูดธรรมดาคือ Verb ช่วยนั่นเองครับ … ซึ่งหัวข้อ Helping Verbs นี้สำคัญนะครับ เป็นตัวนึงเลยที่จะช่วยให้เรา Define Verb แท้ ที่เป็นหัวใจขั้นแรกของการทำข้อสอบที่วัด Structure ที่อธิบายลงลึกไปแล้วในบทความส่วน Reading Part (Part 5 Incomplete Sentences และ Part 6 Text Completion) นั่นเอง ซึ่งหากอยากทบทวน อาจารย์โจขอเปิดตัวอาจารย์ก้อง มาเป็นผู้ช่วยอธิบายใน Clip สั้นๆ ข้างล่างนี้เลยครับ

     หยุด! หยุดชีวิต หยุดกับคนนี้ เอ้ย …. ไม่ใช่ อาจารย์โจหมายถึง เราอาจไม่ได้ยินคำว่า Yes/No ตรงๆ ก็ได้นะ แต่ต้องมีความหมายเชิงใช่หรือไม่ใช่ เอาหรือไม่เอา โอเคหรือไม่โอเค ประมาณนี้ครับ ซึ่งในภาษาอังกฤษ ก็มีให้เลือกใช้กันหลายคำ หลายระดับ และหลายความชัดเจนครับ อย่างเช่น เราอาจใช้คำว่า Of course, OK!, Why not! , Certainly, Definitely, Sure, … Etc.

     … และก็ไม่ต้องห่วง อีกเช่นเคย เพื่อทุกคนที่ผมรัก ^o^ …. อาจารย์โจเตรียม Clip ให้เรียบร้อยแล้วครับ หลังจากนี้ นอกจากเราสามารถมีคำที่หลากหลายมากขึ้นในการพูดในชีวิตประจำวันแล้ว เราก็ไม่โดนข้อสอบหลอกในหลายๆ ข้อเวลาทำ Listening Part ด้วยนะ เอาง่ายๆ อย่างเช่น คำว่า You can say that again!! เราฟังตรงๆ แปลตรงๆ คือ คุณสามารถพูดอีกครั้ง Choice ก็เตรียมหลอกประเภท A ขอ ให้ B พูดใหม่ ไรเงี้ย แต่จริงๆ มันแปลว่า พูดอีกก็ถูกอีก คือ เห็นด้วยนั่นเองครับ ซึ่งแต่ละส่วนใช้ในสถานการณ์ประมาณไหน เราลองไปดูกันเลยครับ ^^

3. Alternative Question

คำถามกลุ่มนี้ มักจะได้ยินคำว่า or อยู่ในประโยค อย่างเช่น Do you want to play chess or checkers?
ที่จัดว่าง่าย เพราะ เราสามารถเอา sound ที่เราได้ยิน มาเป็นคำตอบได้เลย คือเลือก chess หรือ checkers เช่น I prefer checkers แต่ที่อาจารย์จัดว่าง่ายกลางๆ ไม่ใช่ง่ายสุดๆ เพราะ บางครั้ง อาจไม่จำเป็นต้องเลือกตัวใดตัวหนึ่งก็ได้นะ อย่างเช่น

A: Are you free in the morning or the evening?
B: Actually I’m free in the afternoon.

หลักการเดา
บางครั้ง ตอนฟัง เราก็หลุดๆ จริงป่ะ … ดังนั้น ถ้าฟังๆ แล้วไม่รู้เรื่องเลยแถวนั้น การที่เราเตรียมคำถามคำตอบมาดีๆ เราก็เดา Choice นั้นๆ ไปเลย มี Choice แบบเป๊ะๆ อยู่ Choice เดียว ก็เดาไปเลยครับ โอกาสถูกเกิน 90% ครับ … (แถวๆ นี้ ยังเป็นคะแนนระดับ Mean อยู่ไง)

** ดังนั้นสติหลุดได้ในบางครั้ง แต่กลับมาให้เร็ว อย่าให้รวนไปถึงข้อต่อๆ ไป หลุดแล้วก็เดาจาก Choice ที่ควรจะเลือกไปเลย แล้วในบทความต่อไป เมื่อเรารู้จักวิธีตั้งตัวหลอกของข้อสอบ TOEIC เราก็เอามาช่วยตัด Choice ที่ไม่ควรตอบได้เพิ่มอีกนั่นเอง … อยู่ด้วยกัน สู้ด้วยกัน นะค้าบ

How to Use ENG ME UP Blog

Play Video

เนื่องจากเนื้อหา “Mini Book” เตรียมสอบ TOEIC มีความต่อเนื่องกัน อาจารย์แนะนำให้ศึกษาตามลำดับ โดยเริ่มจาก Chapter 1
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดครับ

เนื่องจากเนื้อหา “Mini Book” เตรียมสอบ TOEIC มีความต่อเนื่องกัน อาจารย์แนะนำให้ศึกษาตามลำดับ โดยเริ่มจาก Chapter 1
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดครับ