Chapter 31
TOEIC Listening: Part ฝึกสมาธิแสนทรมาน แต่คะแนนขึ้นง๊ายง่าย
ทำไม Listening Part ในข้อสอบ TOEIC จึงถูกจัดเป็นข้อสอบที่แสนทรมาน ฟังยากหรือจริงๆ แค่เยอะ องค์ประกอบเป็นอย่างไร แต่ละ Part โหดแค่ไหน และควรเตรียมตัวอย่างไร แค่ทักษะการฟังพอหรือไม่ กลยุทธ์สำคัญช่วยเพิ่มสมาธิและเพิ่มคะแนน Part นี้ ได้อย่างรวดเร็วได้อย่างไร ติดตามเต็มๆ ในบทความ TOEIC Listening ครับ
เข้าห้องสอบปุ๊ป เราก็ต้องเผชิญกับส่วน Listening ก่อนเลยครับ และขอบอกเลยว่า ทรมานเหลือเกิน คำว่าทรมานในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าฟังยากนะครับ อย่าเพิ่งถอดใจ แต่ทรมานที่ต้องฟังยาวนานมากก มากที่สุดเมื่อเทียบกับข้อสอบมาตรฐานอย่าง TOEFL, IELTS หรือแม้กระทั่ง CU-TEP เราต้องตั้งใจฟังตลอด 50 นาทีเต็ม เพื่อตอบคำถาม Listening ถึง 100 ข้อ (ครึ่งหนึ่งของข้อสอบ TOEIC เลยนะเนี่ย) ดังนั้นฟังชิวๆ ไม่ได้แน่นอน … แป๊ปๆ ผ่านไปแล้ว 1 ข้อ หรือบาง Part หายไปทีละ 3 ข้อเลยนะนั่น
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดนอกจาก Skill การฟังที่ต้องมีในระดับนึง คือ สมาธิครับ … สมาธิ ณ ที่นี้เป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวนั่นเอง และตลอดบทความในส่วน TOEIC Listening ก็จะเป็นการฝึกสมาธิ ในแต่ละ Part ผ่านการวิเคราะห์การออกข้อสอบ การกำหนด Choices และการวางจุดหลอก เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการเตรียมตัวก่อนเริ่มฟังในแต่ละข้อนั่นเอง เพื่อเพิ่ม Concentration ให้ใจจดจ่อ และ Focus ได้แม่นยำมากขึ้น
ดังนั้น ค่อยๆ ตามกันมาเลยครับ … และเตือนไว้ก่อนน้า เหมือนที่ผมบอกไปตั้งแต่ต้น ฟังชิวๆ ไม่ได้ ในที่นี้หมายถึงบางคนอาจมีทักษะการฟังที่ดี ก็ฟังไปเรื่อย มันก็เข้าใจนะ แต่ไม่ได้มีการเตรียมตัวก่อนฟังในแต่ละข้อ สุดท้ายคุณอาจตอบผิดก็ได้นะครับ ซึ่งสาเหตุของการตอบผิดนั้น ไม่ใช่เพราะไม่เข้าใจเรื่อง แต่เกิดขึ้นจาก จำ Detail บางส่วนพลาด หรือโดน Choice หลอก หรือเกิดจากบิดคำถามนั่นเอง
ก่อนอื่นเรามารู้จักข้อสอบ TOEIC Listening ให้มากขึ้นกันก่อนดีกว่าครับ ว่าใน 100 ข้อ เราต้องเจอกับอะไรบ้าง
ข้อสอบ TOEIC Listening แบ่งออกเป็น 4 Parts ย่อยๆ ดังนี้ครับ
1. Photograph 6 Question
ในส่วนนี้หลายๆ คนชอบมากที่สุด เพราะแค่ดูรูปแล้วพยายามฟัง choice ที่เค้าให้มา ว่าข้อไหนอธิบายรูปได้ดีที่สุด ส่วนนี้ขอแค่อย่ามโนครับ ตอบเท่าที่เห็น อย่าคิดไปไกลครับ ไม่ได้ยากเลย เลยเหลือแค่ 6 ข้อนี่แหละ (ถ้าเกิดทันยุคเก่าๆ จะมี 20 ข้อ และลดลงมาเป็น 10 ข้อ รอบนึงแล้วครับ)
2. Question – Response 25 Questions
ส่วนนี้กระดาษคำตอบโบ๋เบ๋ว่างเปล่าเลยนะครับ โดยเราต้องฟังประโยคเริ่มต้นมา ส่วนใหญ่จะเป็นประโยคคำถาม มีบ้างที่เป็น Statement และเขาก็จะอ่าน Choice มาทีละข้อ (มีแค่ 3 Choices) ให้เราเลือกว่า ข้อไหนควรเป็นคำตอบของประโยคคำถามนั้นๆ ใบ้ไว้ก่อนว่า Part นี้เป็นจุดทำคะแนนเลยครับ Pattern เยอะแยะมากมาย ขอแค่สมาธิดีๆ
3. Conversations 39 Questions
เราจะได้ยินบทสนทนาระหว่างคนสองคน หรือ 3 คน และเมื่อจบ 1 บทสนทนา ก็จะมีคำถามมาถามเรา 3 ข้อ ดังนั้นเท่ากับว่าเราต้องฟังทั้งหมด 13 บทสนทนานั่นเอง ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องผนวกทักษะการอ่านเร็วเพื่อจับประเด็นคร่าวๆ เพื่อ Focus ได้ดีขึ้นเมื่อฟังครับ ส่วนนี้โจทย์และคำตอบจะถูกพิมพ์มาให้เราทั้งหมดแล้วด้วย
4. Talks 30 Questions
จริงๆ ส่วนนี้เรียกให้ชัดมันคือ Monologue คือไม่เป็นบทสนทนา แต่เป็นคนๆเดียว พูดอะไรให้เราฟัง อย่างเช่น โฆษณา หรือประกาศต่างๆ ส่วนนี้ก็จะคล้ายๆ ส่วนที่ 3 ครับ คือมี 10 Talks และใน 1 Talk จะถามเรา 3 ข้อ โดยที่โจทย์และคำตอบก็จะ print มาให้เราแล้วเช่นกัน ดังนั้นกลยุทธ์จึงค่อนข้างคล้ายๆ กัน
เมื่อเรารู้ว่าเราต้องเจออะไรบ้างใน 100 ข้อของ TOEIC Listening ไปแล้ว และเรากำลังต้องเตรียมตัวเพื่อทำคะแนนให้ดีที่สุด ในบทความต่อๆ ไป เราจะมาพูดถึงการเตรียมตัว และกลยุทธ์ในแต่ละ Part โดยละเอียดกันต่อไป แต่ก่อนจะจบ อาจารย์โจอยากให้นักเรียนเน้น Listening ให้มากๆ เพราะ Part นี้ โดยสถิติคะแนนขึ้นได้ไวกว่า Reading Part มากๆ และการให้คะแนนของตัวข้อสอบ ก็ให้โอกาสเราผิดพลาดได้หลายข้อมากกว่าใน Reading ด้วยเช่นกัน (อ่านเพิ่มเติมได้จาก จำนวนข้อแปลงเป็นคะแนน TOEIC อย่างไร)