CU-TEP
Listening Part
พาร์ทแจกคะแนน ขอแค่เข้าใจ Pattern การออกข้อสอบ
Mini Chapter 20
เปลี่ยน CU-TEP Listening Part
ให้เป็น Part เก็บคะแนน ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
- Short Conversations 15 ข้อ
- Long Conversation 3 ชุด ชุดละ 3 ข้อ รวม 9 ข้อ
- Talk หรือ Monologue 2 บท บทละ 3 ข้อ รวม 6 ข้อ
นี่คือ 30 ข้อ ใน Listening ที่เราต้องเจอ และต้องสอบเป็น Part แรก ความเบลอผสมความง่วงในช่วงเช้าวันหยุดของการสอบ บวกกับโชคชะตาที่เราต้องลุ้นว่าจะเจอห้องสอบตึกไหน คุณภาพลำโพง เสียงที่ได้ยินกับตำแหน่งที่นั่งเราโอเคไหม … อะ แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ (uncontrollable factor)
แน่นอนว่าใน Listening Part หากใครใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน หรือมีทักษะการฟังที่ดี ก็เป็นเหมือนตัวช่วย แต่ถ้าหูไม่ค่อยกระดิกแล้วล่ะก็ ดูจะตรงกันข้าม เพราะมันคือทักษะที่ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากหูของเรา ที่จะต้องชินกับสำเนียง สำนวน ความเร็ว และไม่เพียงเท่านี้นะครับ
ส่วนที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ ต้องคุ้นกับประเภทคำถาม การตั้งโจทย์ การตั้ง Choice และตัวหลอกต่างๆ อีกด้วย เพื่อเราจะได้มีสมาธิและ Focus ได้มากขึ้นระหว่างฟังนั่นเองครับ และก็โชคดีซะเหลือเกินที่ ข้อสอบการฟังของ CU-TEP มี Pattern ที่ค่อนข้างชัดเจนมากๆ เลยล่ะ
เรามาเจาะทีละส่วนกันดีกว่านะครับ ส่วนแรกและใหญ่ที่สุดเพราะมีสัดส่วนถึง 80% หรือ 24 จาก 30 ข้อ นั่นคือส่วน Conversation ซึ่งก่อนจะทำส่วนนี้ ต้องระลึกไว้เสมอว่ามันคือ informal language ดังนั้นการดูหนัง ดู Series จะให้ประโยชน์มากครับ (เดี๋ยวๆ Series ฝรั่งนะครับ ไม่ใช่ Series เกาหลี) … แล้วก็ควรจะเป็น Series วัยรุ่นหน่อย ที่เป็นการใช้ชีวิตทั่วไปในสังคมครับ
เพราะนอกจากจะได้พวกภาษา Informal แล้ว Slang หรือ Idiom ก็จะมีค่อนข้างมาก และใช้จริงๆ บ่อยๆ ในชีวิตประจำวันด้วยครับ โดยเฉพาะสำนวนใน CUTEP ก็จะเน้นเฉพาะสำนวนที่ไม่ลึกมาก พบได้ในชีวิตประจำวันนั่นเองครับ เช่น Rainy Day ทุกคนแปลได้ว่าวันฝนตก ก็แค่ต้องตีความไปอีกนิดว่า “มันเป็นวันที่แย่ๆ ของชั้น” นั่นเองครับ หรือ It’s my big day ก็จะแปลเป็นแง่บวก “วันดีๆ แสน Happy ครับ”
ส่วนที่เล่ามาคือการเตรียมหูนะครับ เตรียมให้ดี
อย่างในกรณีถ้าเรียนกับอาจารย์ในคอร์สรับรองผล Full Package ก่อนถึง Listening Part Strategies 9 ชั่วโมงสุดท้าย นักเรียนทุกคนจะต้องฝึกหูให้คุ้นชินด้วย Listening Muscle Build up Program แบบฝึกหัดเพื่อพัฒนาทักษะการฟัง 4 ระดับความยาก ซึ่งถ้าใครทักษะการฟังยังไม่ดี ก็อยากแนะนำให้ฝ่า 4 ด่านอรหันต์นี้ซะก่อนครับ เมื่อหูเราพร้อม ก็จะสามารถประยุกต์ใช้เทคนิคใน Part นี้ ได้ดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ
อ้อ! ขอแนะอีกนิดนะครับ เวลาฝึกฟัง บางคนอาจจะบอกว่าให้ปิด Subtitle ให้หมด แต่ผมมองว่าถ้าเรา Skill ยังไม่ดีมาก สิ่งที่เราจะได้มาแทนคือความเบื่อและท้อ เพราะดูไม่รู้เรื่องเลย หนังไม่สนุกซะละ ใครจะอยากดูต่อจริงไหมครับ
ดังนั้นสิ่งที่แนะนำคือให้ เปิด English Subtitle ในการฝึกช่วงแรกๆ เพราะเราจะได้เทียบว่าที่เราฟังกับอ่านมันตรงกันมากน้อยแค่ไหน แต่อย่าไปโฟกัสแต่การอ่านนะครับ เน้นฟังเป็นหลัก และเราจะได้เรียนรู้การออกเสียง รวมถึงการเน้นเสียงหนักเบาของเจ้าของภาษาไปในตัวด้วย
ก่อนเข้าสู่การวิเคราะห์ข้อสอบแต่ละส่วนใน chapter ต่อๆ ไป อาจารย์โจขอสรุป ปัจจัยที่จำเป็นที่ต้องมี ต้องเตรียมตัวและพัฒนาให้ดี เพื่อไปต่อกรกับข้อสอบ Listening Part ที่บางคนอาจคิดว่าฉันฟังไม่เก่ง ตัด Part นี้ไปเลยละกัน
… แต่จริงๆ แล้ว Part นี้เป็นพาร์ทแจกแต้มที่ควรจะสะสมคะแนนไว้อย่างน้อย 20 คะแนน เพื่อเป้าหมาย CU-TEP 80+ ของเราครับ
- หู … ใช่ครับ เราต้องเตรียมหูให้พร้อม ต้องพอฟังออก และจับใจความได้ ถ้าหูไม่กระดิก ต่อให้เทคนิคเทพแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์จริงไหมครับ
- สมาธิ … ฟังรู้เรื่อง แต่เมื่อต้องมาตอบ กลับจำไม่ได้ ดังนันสมาธิต้องดี คีย์สำคัญคือ Scan Choice และมีไอเดียก่อนฟัง เพื่อ Focus ได้แคบลงระหว่างฟัง ดังนั้น ตา และ ความไวในการอ่านก็เป็นผล
- โครงสร้าง … ก็บอกแล้วว่า Structure ใน Writing Part โคตรสำคัญ นอกจากทำให้เราไม่โดนหลอกใน Reading Part ยังทำให้เราจับเสียงหลักๆ ในระหว่างฟังได้ดีขึ้นด้วย
- เข้าใจข้อสอบ … เมื่อเรารู้ Pattern ข้อสอบ รู้หลักการวาง Choice รวมถึงรู้จักขอบข่ายของของเรื่องที่จะออก และ ลูกเล่นในการออกข้อสอบ ก็จะทำให้เราเติม Input ได้แม่นยำเหมาะสม